From Solitude to Friendship: How Exams Bonded Two Students
FluentFiction - Thai
From Solitude to Friendship: How Exams Bonded Two Students
ในช่วงหน้าร้อนที่กำลังมาถึง วิทยาลัยดูคึกคักมาก
As the upcoming summer approaches, the college buzzes with activity.
นักศึกษาทุกคนต่างยุ่งกับการเตรียมตัวสอบปลายภาค
Every student is busy preparing for the final exams.
ห้องอ่านหนังสือร่วมในหอพักมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย
The shared reading room in the dormitory sees a constant influx and departure of people.
ป้ายบอกคะแนนสอบวางกระจายอยู่ทั่วห้อง
Exam scoreboards are scattered throughout the room.
โต๊ะยาวและเก้าอี้นุ่มทำให้ที่นี่เป็นจุดรวมตัวของนักศึกษาหลายคน
The long tables and soft chairs make this place a favorite gathering spot for many students.
นรินทร์ นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ เป็นคนเงียบขรึมและไม่ชอบแสดงออกทางอารมณ์
Narin, an engineering student, is quiet and not very expressive.
การพูดคุยกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา
Communication is not easy for him.
นรินทร์มักจะนั่งอยู่คนเดียวในห้องอ่านหนังสือ พยายามทบทวนบทเรียนอย่างหนัก
He often sits alone in the reading room, reviewing his lessons intensely.
เขาต้องการจะผ่านการสอบให้ได้ และหวังในใจว่าอาจจะเจอเพื่อนที่เข้าใจเขาบ้าง
He wants to pass the exams and secretly hopes to find a friend who understands him.
แพรว นักศึกษาวรรณกรรม เป็นคนเปิดเผยและชอบช่วยเหลือผู้คน
Phraew, a literature student, is outgoing and loves helping others.
แต่เธอเองก็ต้องรับมือกับแรงกดดันทางการเรียนเช่นกัน
However, she too has to deal with the pressures of her studies.
แพรวเห็นนรินทร์นั่งคนเดียวตราบนานเหมือนนั่งอยู่กับโลกของตนเอง
Phraew often sees Narin sitting alone, immersed in his own world.
เธอรู้สึกเห็นใจและอยากจะช่วย แต่เวลาของเธอก็จำกัด
She feels sympathy for him and wants to help, but her time is also limited.
"วันนี้จะเจอเขาอีกไหมนะ?" แพรวคิดในใจเมื่อเดินเข้าห้องอ่านหนังสือ
"Will I see him again today?" Phraew wondered as she walked into the reading room.
กลิ่นลิ่นอ่อนๆของหนังสือและเสียงกระซิบกระซาบของนักศึกษาทำให้ห้องนี้มีบรรยากาศที่น่าอบอุ่น
The faint scent of books and the whispering of students create a cozy atmosphere.
เธอเห็นนรินทร์นั่งอยู่โต๊ะหลังสุด ขีดขวางข้อความบนกระดาษเส้นยุ่ง เธอตัดสินใจเดินเข้าไปหา
She saw Narin sitting at the last table, scribbling on a messy sheet of paper. She decided to approach him.
"นรินทร์ สวัสดีค่ะ" แพรวพูดพร้อมส่งยิ้ม
"Narin, hello!" Phraew said with a smile.
นรินทร์เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย "ต้องการความช่วยเหลือไหมคะ?"
Narin looked up slightly. "Do you need any help?"
นรินทร์นิ่งไปสักพัก เขายังคงรู้สึกอายและกลัวการปฏิเสธ แต่ในที่สุดเขาก็พูดว่า "ขอบคุณครับ แพรว ผมคิดว่าอาจจะต้องการช่วยเรื่องโจทย์คณิตศาสตร์พวกนี้"
Narin paused for a moment. He still felt shy and afraid of rejection, but finally said, "Thank you, Phraew. I think I might need help with these math problems."
จากนั้น ทั้งคู่เริ่มทำงานร่วมกัน
From then on, the two began working together.
แพรวช่วยนรินทร์แก้โจทย์และอธิบายสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ ในขณะที่นรินทร์ก็ช่วยแพรวในการแก้ปัญหาทางเทคนิคที่เธอเจอในการเรียบเรียงงานวรรณกรรม
Phraew helped Narin solve problems and explain what he did not understand, while Narin assisted Phraew with technical issues she encountered in her literary work.
ทั้งสองคนนัดกันมาอ่านหนังสือทุกๆเย็น เพื่อเตรียมตัวสอบไปด้วยกัน
They scheduled to read together every evening to prepare for exams side by side.
คืนหนึ่ง นรินทร์นั่งอยู่คนเดียวในห้องอ่านหนังสือ จมกับความคิดของตนเอง
One night, Narin was sitting alone in the reading room, lost in his thoughts.
แพรวามาถึงและนั่งลงข้างๆ
Phraew arrived and sat next to him.
"นรินทร์ ฉันอยากจะพูดกับคุณค่ะ คุณทำได้ดีมากๆเลย ฉันเห็นความพยายามของคุณ"
"Narin, I want to say that you are doing wonderfully. I can see your effort."
นรินทร์ยิ้มเล็กๆ ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ายิ้มของเขามีความสุขจริงๆ
Narin smiled slightly, for the first time feeling that his smile was truly happy.
"ขอบคุณนะ แพรว คุณช่วยผมมากจริงๆ"
"Thank you, Phraew. You've really helped me a lot."
ทั้งคู่ต่างเรียนรู้และเติบโตขึ้นจากการทำงานร่วมกัน
Both of them learned and grew from working together.
นรินทร์เริ่มเปิดใจและกล้าแสดงอารมณ์ออกมา ขณะที่แพรวก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้กับตัวเองบ้าง
Narin started to open up and express his emotions, while Phraew learned to manage her time for herself.
ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนไม่เพียงแค่เรื่องการเรียน แต่ยังสามารถพึ่งพากันและกันในชีวิตประจำวัน
They became friends not only in their studies but also in their daily lives, supporting each other in every way.
ในที่สุด การสอบปลายภาคก็ผ่านไป นรินทร์และแพรวก็ยังคงนัดเจอกัน พูดคุยเรื่องต่างๆ และสนับสนุนกันและกันในทุกทาง
Eventually, the final exams passed, but Narin and Phraew continued to meet, talk about various things, and support each other in every aspect.
หน้าร้อนนี้ ไม่เพียงผ่านไปกับหนังสือและการสอบ แต่ยังผ่านไปกับมิตรภาพที่งดงามและยาวนาน
This summer passed not just with books and exams, but with a beautiful and lasting friendship.